การอ่านหนังสือ…
คือการท่องเที่ยวไปในอาณาจักรแห่งวิชาการ
เดินทอดน่องในอุทยานแห่งอักษร
เพลิดเพลินกับการชมดอกไม้แห่งภูมิปัญญาของปวงปราชญ์
จุดมุ่งหมายของการอ่านที่แท้จริง
ไม่ใช่อ่านเพื่อให้คลายความหงอยเหงา
ไม่ใช่อ่านเพื่อความชำนาญในด้านภาษา
ไม่ใช่อ่านเพื่อความเป็นผู้รอบรู้
แต่อ่านเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
การอ่านที่ได้ผล…
ต้องอ่านโดยเชื่อมโยงความรู้ใหม่ให้เข้ากับความรู้เก่า
นำความรู้ที่ได้จากการอ่านไปจับคู่
แต่งงานกับความรู้เดิมที่มีอยู่ในมันสมอง
ความรู้ใหม่กับความรู้เดิมก็จะออกลูกออกหลาน
เป็นความรู้สายพันธ์ใหม่ที่แข็งแรง
อันเป็นองค์ความรู้ใหม่ที่ไม่เคยมีในโลกมาก่อน
แม้คุณจะหนอนหนังสือมากแค่ไหน
อ่านหนังสือทุกชนิดที่ขวางหน้า
จดจำคำคมของปวงปราชญ์ได้มากมาย
เล่าประวัติบุคคลสำคัญได้อย่างละเอียด
ท่องจำข้อมูลตัวเลขได้แม่นยำ
แต่ไม่อาจนำไปประยุกต์ใช้ได้
คุณเป็นได้อย่างดีก็แค่…
เครื่องถ่ายเอกสารเดินได้
มันสมองของคุณก็คือถังขยะข้อมูลใบใหญ่
ฉันตั้งข้อสังเกตประเภทนักเขียนหนังสือ ดังนี้
ประเภทที่ 1 เขียนตามหลักวิชาการ
ผู้เขียนต้องมีความรู้กว้างขวางแต่ด้อยความลุ่มลึก
ใครที่มีการศึกษาสูงก็เขียนได้
ประเภทนี้เขียนได้ไม่ยากนัก
ประเภทที่ 2 เขียนตามข้อมูลเท็จจริง
ด้วยการสะท้อนภาพสังคมโดยการเจือภาษาวรรณศิลป์เข้าไป
นำพาคนอ่านให้สะเทือนใจได้บ้าง
ประเภทนี้เขียนได้ยากกว่าประเภทแรก
ประเภทที่ 3 เขียนตามจินตนาการ
คือการสร้างภาพบนพื้นที่ความคิดที่ว่างเปล่า
จูงใจผู้อ่านให้สะกดรอยตามลายแทงแห่งอักษร
ประเภทนี้เขียนยากกว่าสองประเภทข้างต้น
ประเภทที่ 4 เขียนเพื่อให้ทางออก
โดยการนำผู้อ่านให้เข้าถึงความคิดของตน
จนสามารถตอบโจทย์ชีวิตได้
ประเภทนี้เป็นงานเขียนที่ดีที่สุด
คือการท่องเที่ยวไปในอาณาจักรแห่งวิชาการ
เดินทอดน่องในอุทยานแห่งอักษร
เพลิดเพลินกับการชมดอกไม้แห่งภูมิปัญญาของปวงปราชญ์
จุดมุ่งหมายของการอ่านที่แท้จริง
ไม่ใช่อ่านเพื่อให้คลายความหงอยเหงา
ไม่ใช่อ่านเพื่อความชำนาญในด้านภาษา
ไม่ใช่อ่านเพื่อความเป็นผู้รอบรู้
แต่อ่านเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
การอ่านที่ได้ผล…
ต้องอ่านโดยเชื่อมโยงความรู้ใหม่ให้เข้ากับความรู้เก่า
นำความรู้ที่ได้จากการอ่านไปจับคู่
แต่งงานกับความรู้เดิมที่มีอยู่ในมันสมอง
ความรู้ใหม่กับความรู้เดิมก็จะออกลูกออกหลาน
เป็นความรู้สายพันธ์ใหม่ที่แข็งแรง
อันเป็นองค์ความรู้ใหม่ที่ไม่เคยมีในโลกมาก่อน
แม้คุณจะหนอนหนังสือมากแค่ไหน
อ่านหนังสือทุกชนิดที่ขวางหน้า
จดจำคำคมของปวงปราชญ์ได้มากมาย
เล่าประวัติบุคคลสำคัญได้อย่างละเอียด
ท่องจำข้อมูลตัวเลขได้แม่นยำ
แต่ไม่อาจนำไปประยุกต์ใช้ได้
คุณเป็นได้อย่างดีก็แค่…
เครื่องถ่ายเอกสารเดินได้
มันสมองของคุณก็คือถังขยะข้อมูลใบใหญ่
ฉันตั้งข้อสังเกตประเภทนักเขียนหนังสือ ดังนี้
ประเภทที่ 1 เขียนตามหลักวิชาการ
ผู้เขียนต้องมีความรู้กว้างขวางแต่ด้อยความลุ่มลึก
ใครที่มีการศึกษาสูงก็เขียนได้
ประเภทนี้เขียนได้ไม่ยากนัก
ประเภทที่ 2 เขียนตามข้อมูลเท็จจริง
ด้วยการสะท้อนภาพสังคมโดยการเจือภาษาวรรณศิลป์เข้าไป
นำพาคนอ่านให้สะเทือนใจได้บ้าง
ประเภทนี้เขียนได้ยากกว่าประเภทแรก
ประเภทที่ 3 เขียนตามจินตนาการ
คือการสร้างภาพบนพื้นที่ความคิดที่ว่างเปล่า
จูงใจผู้อ่านให้สะกดรอยตามลายแทงแห่งอักษร
ประเภทนี้เขียนยากกว่าสองประเภทข้างต้น
ประเภทที่ 4 เขียนเพื่อให้ทางออก
โดยการนำผู้อ่านให้เข้าถึงความคิดของตน
จนสามารถตอบโจทย์ชีวิตได้
ประเภทนี้เป็นงานเขียนที่ดีที่สุด
คุณเองอาจเคยอ่านหนังสือมาหลายเล่ม
บางเล่มคุณอ่านได้ไม่กี่หน้าก็ต้องวางทิ้ง
เพราะขาดความหนักแน่นในเนื้อหา
ขาดความโดดเด่นในภาษา
ขาดความนุ่มนวลทางอารมณ์
ขาดความลุ่มลึกทางวิสัยทัศน์
บางเล่มคุณอ่านจนวางไม่ลง
เพราะครบถ้วนด้วยเนื้อหาสาระ
คมคายด้วยภาษาวรรณศิลป์
ให้ความอ่อนโยนทางอารมณ์
และชัดเจนด้วยทางออก
ถ้าคุณสามารถย่อหรือขยายใจความได้
คุณย่อมนำความรู้นั้นเป็นประโยชน์แก่ตัวเองและสังคมได้
ถ้าคุณแตกฉานยิ่งกว่านี้
จนคุณพัฒนาต่อยอดความคิดออกไปได้อีก
คุณคือปราชญ์คนหนึ่งของแผ่นดิน
แม้ว่าคุณจะไม่ได้จบปริญญาก็ตามที
เพราะโลกในวันนี้
ต้องการองค์ความรู้ใหม่ที่ยังไม่มีในหลักสูตร
ต้องการนวัตกรรมทางความคิดชนิดใหม่
ที่ยังไม่ได้ถูกเขียนเป็นตำรา
ต้องการทางเลือกใหม่ที่แตกต่างไปจาก
ทางเลือกเดิมๆ รูปแบบเก่าๆ
การอ่านหนังสือนั้นดีแล้ว
แต่ถ้าอ่านหนังสือแล้วถูกชี้นำทางความคิด
สู้ไม่รู้หนังสือเลยยังจะดีกว่า
เมื่ออ่านจนมีความรู้แล้ว
ระวังจะเดินตกหลุมดำทางความรู้ของตน
อย่าติดกับดักในความฉลาดของตน
การอ่านจึงเป็นการพัฒนาความคิดที่ยอดเยี่ยม
โดยไม่เป็นทาสความคิดของใครและของตนเอง
แต่วันนี้เราชอบถ่ายสำเนาบุคลิกภาพของคนอื่น
มาใส่ลงในกรอบชีวิตของเรา…อย่างน่าสงสาร
บางเล่มคุณอ่านได้ไม่กี่หน้าก็ต้องวางทิ้ง
เพราะขาดความหนักแน่นในเนื้อหา
ขาดความโดดเด่นในภาษา
ขาดความนุ่มนวลทางอารมณ์
ขาดความลุ่มลึกทางวิสัยทัศน์
บางเล่มคุณอ่านจนวางไม่ลง
เพราะครบถ้วนด้วยเนื้อหาสาระ
คมคายด้วยภาษาวรรณศิลป์
ให้ความอ่อนโยนทางอารมณ์
และชัดเจนด้วยทางออก
ถ้าคุณสามารถย่อหรือขยายใจความได้
คุณย่อมนำความรู้นั้นเป็นประโยชน์แก่ตัวเองและสังคมได้
ถ้าคุณแตกฉานยิ่งกว่านี้
จนคุณพัฒนาต่อยอดความคิดออกไปได้อีก
คุณคือปราชญ์คนหนึ่งของแผ่นดิน
แม้ว่าคุณจะไม่ได้จบปริญญาก็ตามที
เพราะโลกในวันนี้
ต้องการองค์ความรู้ใหม่ที่ยังไม่มีในหลักสูตร
ต้องการนวัตกรรมทางความคิดชนิดใหม่
ที่ยังไม่ได้ถูกเขียนเป็นตำรา
ต้องการทางเลือกใหม่ที่แตกต่างไปจาก
ทางเลือกเดิมๆ รูปแบบเก่าๆ
การอ่านหนังสือนั้นดีแล้ว
แต่ถ้าอ่านหนังสือแล้วถูกชี้นำทางความคิด
สู้ไม่รู้หนังสือเลยยังจะดีกว่า
เมื่ออ่านจนมีความรู้แล้ว
ระวังจะเดินตกหลุมดำทางความรู้ของตน
อย่าติดกับดักในความฉลาดของตน
การอ่านจึงเป็นการพัฒนาความคิดที่ยอดเยี่ยม
โดยไม่เป็นทาสความคิดของใครและของตนเอง
แต่วันนี้เราชอบถ่ายสำเนาบุคลิกภาพของคนอื่น
มาใส่ลงในกรอบชีวิตของเรา…อย่างน่าสงสาร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น